
ROI ของการตลาดเชิงกลยุทธ์: จะแสดงให้ CFO เห็นคุณค่าของการตลาดได้อย่างไร
9 hours ago
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
0
0
0

การตลาดมักถูกมองในแง่ลบในห้องประชุมคณะกรรมการบริหาร ต่างจากฝ่ายขายที่ผลลัพธ์มีความชัดเจนและติดตามได้ การตลาดบางครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่อง "นามธรรม"—เป็นศูนย์ต้นทุนมากกว่าตัวขับเคลื่อนรายได้ แต่ในความเป็นจริง การตลาดเชิงกลยุทธ์เป็นหนึ่งในกลไกการเติบโตที่ทรงพลังที่สุดในทุกธุรกิจ กุญแจสำคัญคือ การพิสูจน์ให้เห็น
นี่คือวิธีแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment - ROI) ของการตลาดเชิงกลยุทธ์แก่ CFO และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับบริหารอื่นๆ
1. เริ่มต้นด้วยตัวชี้วัดที่ถูกต้อง
นักการตลาดจำนวนมากนำเสนอตัวชี้วัดที่ไม่เชื่อมโยงกับผลกำไรสุทธิ—จำนวนไลค์ การแสดงผล และผู้ติดตาม CFO ของคุณไม่สนใจตัวชี้วัดที่ดูดีแต่ไม่ได้สร้างผลกระทบ พวกเขาใส่ใจเกี่ยวกับรายได้ ประสิทธิภาพ และ ROI
มุ่งเน้นไปที่:
ต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า (Customer Acquisition Cost - CAC)
มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (Customer Lifetime Value - CLTV)
โอกาสในการขายและรายได้ที่มาจากฝ่ายการตลาด (Marketing-Sourced Pipeline and Revenue)
ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (Return on Ad Spend - ROAS)
อัตราการเปลี่ยนผู้สนใจเป็นลูกค้า (Lead-to-Customer Conversion Rates)
ตัวชี้วัดเหล่านี้สื่อสารด้วยภาษาของการเงินและช่วยระบุผลกระทบเป็นตัวเลข
2. เชื่อมโยงความพยายามทางการตลาดกับผลลัพธ์ด้านรายได้
ใช้แบบจำลองการระบุแหล่งที่ มา (Attribution Modeling) เพื่อแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางการตลาดใดที่ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ ตัวอย่างเช่น:
ช่องทางใดที่สร้างผู้สนใจที่มีคุณภาพ?
ผู้สนใจเหล่านั้นสร้างรายได้เท่าไหร่?
ROI ของแต่ละแคมเปญคือเท่าไหร่?
ระบบ CRM และแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ทันสมัยสามารถช่วยติดตามจุดติดต่อเหล่านี้ตลอดทั้งกระบวนการขาย
3. สร้างกรณีทางธุรกิจสำหรับการลงทุนด้านการตลาด
หากคุณต้องการงบประมาณมากขึ้น ให้แสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร อย่าเพียงแค่พูดว่า "เราต้องการงบประมาณโฆษณาเพิ่ม" แต่ให้พูดว่า "ด้วยการลงทุนเพิ่มเติม 20,000 ดอลลาร์ใน Paid Search เราคาดการณ์ว่าจะได้ผู้สนใจ X ราย และรายได้ Y บาท โดยอิงจากผลการดำเนินงานในอดีต"
เคล็ดลับ: นำเสนอสถานการณ์ต่างๆ—การคาดการณ์ ROI แบบระมัดระวัง คาดการณ์ และเชิงรุก—เพื่อให้ CFO สามารถประเมินความเสี่ยงเทียบกับผลตอบแทนได้
4. เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
การตลาดเชิงกลยุทธ์ไม่ได้มีแค่เรื่องการเติบโต—แต่เป็นการทำมากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง การทำให้การบ่มเพาะผู้สนใจเป็นอัตโนมัติ การปรับปรุงการกำหนดเป้าหมาย และการปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนลูกค้าเป้าหมาย ล้วนช่วยลดการสูญเสียและเพิ่มอัตรากำไร
พูดในแง่ของ:
CAC ที่ต่ำลง